การเจริญเติบโตของลูกน้อยเป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องความสูง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการพัฒนาของเซลล์กระดูก การได้รับสารอาหารที่เหมาะสม อย่างวิตามินเพิ่มความสูง หรือแคลเซียมเพิ่มความสูง เป็นปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมให้ลูกน้อยมีความสูงตามเกณฑ์มาตรฐาน และมีสุขภาพแข็งแรง ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของโครงสร้างกระดูกของเด็ก และกลุ่มอาหารที่จะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
กระดูกของเด็กมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น โดยช่วงที่มีการเจริญเติบโตมากที่สุดคือช่วงอายุ 9-15 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายมีการผลิตโกรทฮอร์โมนมากที่สุด ซึ่งโกรทฮอร์โมนคือ ฮอร์โมนการเจริญเติบโต โดยการได้รับสารอาหารที่จำเป็นในช่วงนี้จึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะแคลเซียม วิตามินดี โปรตีน และแร่ธาตุต่างๆ ที่จะช่วยสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง และส่งเสริมการเจริญเติบโตด้านความสูง
การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนเป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มความสูงจะช่วยเสริมสร้างกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่ามีอาหารกลุ่มใดบ้างที่ช่วยบำรุงกระดูก
นม หรือผลิตภัณฑ์จากนมเป็นแหล่งแคลเซียมชั้นเยี่ยม ซึ่งสามารถคลายข้อข้องใจของผู้ปกครองนั่นก็คือ “นมทำให้สูงได้จริงไหม?” ซึ่งต้องบอกเลยว่าในนมวัว 200 มิลลิลิตร มีแคลเซียมมากถึง 204.67 มิลลิกรัม พิสูจน์แล้วสามารถทำให้สูงได้จริง นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ เช่นโยเกิร์ต หรือเนย ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันให้แข็งแรง เด็กๆ ควรได้รับนมวันละ 2-3 แก้ว เพื่อการเจริญเติบโตที่สมวัย
ปลาทะเลโดยเฉพาะปลาเล็กปลาน้อยที่สามารถรับประทานได้ทั้งก้าง เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า และปลาแซลมอน นอกจากจะอุดมไปด้วยแคลเซียมแล้ว ยังมีวิตามินดี โอเมก้า 3 ที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและพัฒนาการของกระดูก โดยปลาซาร์ดีนเพียง 100 กรัม มีแคลเซียมมากถึง 537 มิลลิกรัม
ไข่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง พร้อมกับวิตามินดีที่สำคัญ ซึ่งช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และการเจริญเติบโตของกระดูก การรับประทานไข่เป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสูงได้เป็นอย่างดี
ถั่วชนิดต่างๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วดำ หรืออัลมอนด์ ที่อุดมไปด้วยฟีนิลอะลานีน แคลเซียม แมกนีเซียม และโปรตีนจากพืช ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อการพัฒนาของกระดูก โดยเฉพาะงาดำที่มีแคลเซียมมากกว่านมวัวถึง 8 เท่า
ผักใบเขียวเข้มเช่น คะน้า ผักโขม ใบชะพลู และผักตระกูลกะหล่ำ เป็นอาหารที่มีแคลเซียมสูง และวิตามินเค ที่จำเป็นต่อการสร้างกระดูก โดยใบชะพลู 100 กรัม มีแคลเซียมสูงถึง 600 มิลลิกรัม และคะน้า 100 กรัม มีแคลเซียม 245 มิลลิกรัม
ผลไม้หลากหลายชนิดมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูก โดยเฉพาะมะเดื่อที่มีแคลเซียมสูงถึง 162 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ส้มที่มีวิตามินซีช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และกีวีที่อุดมไปด้วยวิตามินเค การรับประทานผลไม้หลากหลายชนิดจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาของกระดูกอย่างครบถ้วน
เนื้อสัตว์ไขมันต่ำเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูก อีกทั้งยังมีสังกะสีและวิตามินบี 12 ที่ช่วยในกระบวนการสร้างเซลล์กระดูก เด็กๆ ควรได้รับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น อกไก่ เนื้อปลา หรือเนื้อวัวส่วนที่มีไขมันน้อย
อาหารทะเลนอกเหนือจากปลา เช่น กุ้ง หอย ปู มีแร่ธาตุสำคัญหลายชนิด โดยเฉพาะแคลเซียม สังกะสี และซีลีเนียม ที่มีบทบาทในการพัฒนากระดูก กุ้งแห้งเพียง 100 กรัม มีแคลเซียมสูงถึง 1,160 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน
ธัญพืชไม่ขัดสีเช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และควินัว อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการสร้างมวลกระดูก นอกจากนี้ยังมีวิตามินบีรวมที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และการทำงานของเซลล์กระดูก
เต้าหู้ หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองเป็นแหล่งโปรตีน และแคลเซียมที่ดี โดยเฉพาะเต้าหู้แข็งที่มีแคลเซียมสูงถึง 507 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม นอกจากนี้ยังมีไอโซฟลาโวนที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และการพัฒนาของกระดูก
ผักรสหวานเช่น แครอท มันเทศ และฟักทอง อุดมไปด้วยวิตามินเอและเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูก อีกทั้งยังมีวิตามินซีที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญในการสร้างกระดูก
เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง และเมล็ดเจีย อุดมไปด้วยแมกนีเซียม สังกะสี และโอเมก้า3 ที่ช่วยในการพัฒนากระดูก การเพิ่มเมล็ดพืชลงในอาหารหรือของว่างจะช่วยเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูก
สาหร่ายทะเลชนิดต่างๆ เช่น สาหร่ายวากาเมะ นอรี และคอมบุ มีแร่ธาตุหลากหลายชนิด รวมถึงแคลเซียม ไอโอดีน และแมกนีเซียม ที่ช่วยในการพัฒนากระดูก และการเจริญเติบโตโดยรวม
น้ำมันปลา น้ำมันมะกอก และน้ำมันอะโวคาโด มีกรดไขมันจำเป็นที่ช่วยในการดูดซึมวิตามินดีและแคลเซียม การเลือกใช้น้ำมันที่มีประโยชน์ในการปรุงอาหารจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนากระดูก
อาหารเสริมจากธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้ง ชาสมุนไพร และพืชสมุนไพรต่างๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระ และแร่ธาตุที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบกระดูก แต่ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนให้เด็กรับประทานอาหารเสริมใดๆ
การทำให้เด็กๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์นั้นอาจเป็นความท้าทายสำหรับผู้ปกครอง เพราะเด็กๆ มักเลือกทานอาหารที่ตนเองชื่นชอบ การสร้างความน่าสนใจให้กับอาหารจึงเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม โดยอาจเริ่มจากการจัดจานให้สวยงามด้วยการแต่งแต้มอาหารให้เป็นรูปการ์ตูนที่เด็กชื่นชอบ การใช้จานชามที่มีสีสันสดใส หรือการตกแต่งอาหารให้มีรูปร่างน่ารักๆ เช่น ทำข้าวปั้นรูปสัตว์ต่างๆ หรือจัดผักผลไม้เป็นภาพที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ การให้เด็กมีส่วนร่วมในการเตรียมอาหารก็เป็นวิธีที่ดี เพราะจะทำให้พวกเขารู้สึกภูมิใจ และอยากลองชิมอาหารที่ตัวเองมีส่วนร่วมในการทำ การเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาหารแต่ละชนิด หรือการสร้างเกมสนุกๆ ระหว่างมื้ออาหารก็สามารถช่วยกระตุ้นความสนใจของเด็กได้
แม้ว่าอาหารบำรุงกระดูกจะมีความสำคัญ แต่การรับประทานที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี ควรคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสมตามวัย และความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะอาหารเสริมต่างๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนให้เด็กรับประทาน
การดูแลสุขภาพกระดูกไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องอาหารเท่านั้น การออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การออกกำลังกายเพิ่มความสูง อย่างการวิ่งเล่น หรือกระโดดเชือก ช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างกระดูก การนอนหลับที่เพียงพออย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน และการได้รับแสงแดดในช่วงเช้าประมาณ 15-30 นาที ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของกระดูกเช่นกัน
การเสริมสร้างกระดูกในเด็กเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจอย่างต่อเนื่อง การเลือกรับประทานอาหารบำรุงกระดูกที่มีประโยชน์จากทั้ง 15 กลุ่มที่กล่าวมา ควบคู่กับการดูแลสุขภาพด้านอื่นๆ อย่างเหมาะสม เช่น การออกกำลังกาย หรือการนอนหลับให้เพียงพอจะช่วยให้เด็กๆ มีพัฒนาการด้านความสูงที่ดี มีกระดูกแข็งแรง และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพสมบูรณ์
Professional Health เราเป็นคลินิกเพิ่มความสูงที่มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษามามากกว่า 3,000 เคส หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของลูก หรือต้องการคำแนะนำเฉพาะด้าน เรายินดีให้คำปรึกษาและวางแผนพัฒนาความสูงรายบุคคล