หลายครอบครัวมักกังวลเรื่องความสูงของลูก และพยายามหาวิธีส่งเสริมให้ลูกเติบโตเต็มศักยภาพ แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากแคลเซียมเพิ่มความสูงและวิตามินดีแล้ว ยังมีวิตามินอีกชนิดที่มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของกระดูก นั่นคือวิตามินเค สารอาหารที่มักถูกมองข้าม มักมีคำถามเกิดขึ้นว่าวิตามินเคช่วยอะไร ซึ่งต้องบอกเลยว่าวิตามินเคเป็นวิตามินเพิ่มความสูง สำคัญไม่แพ้วิตามินชนิดอื่น การได้รับวิตามินที่เพียงพอเป็นวิธีเพิ่มความสูงที่ง่ายและทำตามได้ไม่ยาก มาทำความรู้จักกับวิตามินที่จะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของลูกน้อยกัน
วิตามินเคเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ค้นพบโดยนักชีวเคมีชาวเดนมาร์กชื่อ Henrik Dam ในปี พ.ศ. 2472 โดยได้รับการตั้งชื่อจากคำว่า “Koagulation” ในภาษาเดนมาร์ก ซึ่งหมายถึงการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากบทบาทสำคัญของวิตามินชนิดนี้ในกระบวนการดังกล่าว
ในธรรมชาติ วิตามินเคมีอยู่สองรูปแบบหลัก คือวิตามินเค 1 (Phylloquinone) ที่พบในพืชผักสีเขียว และวิตามินเค 2 (Menaquinone) ที่ผลิตโดยแบคทีเรียในลำไส้ของเรา นอกจากนี้ยังมีวิตามินเค 3 ที่สังเคราะห์ขึ้น แต่ไม่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ตอบคำถามที่ว่า “วิตามินเค ช่วยอะไร” วิตามินเคมีบทบาทสำคัญต่อร่างกายหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก
วิตามินเคมีบทบาทสำคัญในการสร้างและพัฒนาโครงสร้างกระดูก โดยช่วยกระตุ้นการทำงานของโปรตีนที่เรียกว่า Osteocalcin ซึ่งทำหน้าที่ดึงแคลเซียมจากกระแสเลือดไปสะสมในกระดูก ทำให้เซลล์กระดูกแข็งแรงและเติบโตได้เต็มที่ การได้รับวิตามินเคอย่างเพียงพอจึงสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตด้านความสูงในเด็ก
นอกจากเรื่องกระดูกแล้ว วิตามินเคยังมีความสำคัญต่อการแข็งตัวของเลือด โดยช่วยสร้างโปรตีนสำคัญหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดหยุดไหลได้เมื่อเกิดบาดแผล ซึ่งเป็นกลไกป้องกันตามธรรมชาติที่สำคัญสำหรับเด็กที่มักมีกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดบาดแผลได้ง่าย
การได้รับวิตามินเคจากอาหารเป็นวิธีที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่กำลังเจริญเติบโต แหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเคมีหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาหารที่มีแคลเซียม และวิตามินดีมักจะมีวิตามินเคประกอบอยู่ด้วย และสามารถนำมาประกอบอาหารให้เด็กได้ง่าย
ผักใบเขียวเป็นแหล่งวิตามินเคที่ดีที่สุด โดยเฉพาะผักคะน้า ผักโขม บรอกโคลี และกะหล่ำปลี นอกจากนี้ยังพบในผลไม้หลายชนิด เช่น ลูกพรุน กีวี และอะโวคาโด ส่วนแหล่งวิตามินเคจากสัตว์ได้แก่ ไข่แดง เนยแข็ง และเนื้อสัตว์ต่างๆ
การได้รับวิตามินเคในปริมาณที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในวัยเด็ก ปริมาณที่แนะนำต่อวันแตกต่างกันตามช่วงอายุ
ช่วงอายุ | ปริมาณวิตามินเคที่ต้องการ (มคก./วัน) |
0-6 เดือน | 2 |
1-3 ปี | 30 |
4-8 ปี | 55 |
9-13 ปี | 60 |
14-18 ปี | 75 |
วิตามินเคมีบทบาทสำคัญทั้งในเรื่องการแข็งตัวของเลือดและการพัฒนากระดูก การทำความเข้าใจว่าใครคือกลุ่มเสี่ยงและมีอาการอย่างไรจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ปกครองในการดูแลบุตรหลาน
เด็กทารกแรกเกิดเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดต่อการขาดวิตามินเค เนื่องจากวิตามินเคไม่สามารถผ่านรกได้มากนัก และน้ำนมแม่มีวิตามินเคในปริมาณต่ำ นอกจากนี้ เด็กที่มีปัญหาการดูดซึมสารอาหาร หรือได้รับยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดวิตามินเคเช่นกัน
อาการขาดวิตามินเคที่พบได้บ่อยในเด็ก ได้แก่ การมีเลือดออกง่ายผิดปกติ เช่น เลือดกำเดาไหลบ่อย เกิดจ้ำเขียวง่าย และแผลหายช้า นอกจากนี้ การขาดวิตามินเคยังอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูก ทำให้เด็กมีความสูงไม่เป็นไปตามเกณฑ์
หายสงสัยสักที “วิตามินเค ช่วยอะไร” วิตามินเคเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของเด็ก โดยเฉพาะในด้านการพัฒนากระดูกและความสูง การส่งเสริมให้เด็กได้รับวิตามินเคอย่างเพียงพอผ่านการรับประทานอาหารที่หลากหลาย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เพิ่มความสูงอื่นๆ เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญ
ปรึกษาคลินิกเพิ่มความสูงอย่าง Professional Health ได้ เพื่อรับคำแนะนำในการพัฒนาการเจริญเติบโตที่เหมาะสม ได้แล้ววันวันนี้