หลายคนอาจคิดว่าโรคกระดูกพรุนเป็นปัญหาที่พบเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่เด็กและวัยรุ่นมีพฤติกรรมเสี่ยงมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากอาการแคลเซียม ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม ขาดการออกกำลังกายเพิ่มความสูง หรือการใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไป ซึ่งล้วนส่งผลต่อการพัฒนาของเซลล์กระดูกและความสูง มาทำความรู้จักกับโรคกระดูกพรุนให้มากขึ้น เพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพโครงสร้างกระดูกของทั้งตัวคุณเองและคนที่คุณรัก
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) คือภาวะที่กระดูกมีความหนาแน่นและมวลกระดูกลดลงอย่างผิดปกติ ทำให้กระดูกเปราะบางและแตกหักได้ง่าย เปรียบเสมือนฟองน้ำที่มีรูพรุนมากขึ้นจนโครงสร้างอ่อนแอลง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความแข็งแรงของร่างกายและความสูง โดยเฉพาะในวัยเด็กที่กำลังเจริญเติบโต
ภายในกระดูกของเรามีการทำงานที่ซับซ้อนระหว่างเซลล์สองชนิด คือเซลล์สร้างกระดูก (Osteoblast) และเซลล์สลายกระดูก (Osteoclast) ซึ่งทำงานสอดประสานกันเพื่อรักษาความแข็งแรงของกระดูก เมื่อเกิดความไม่สมดุลระหว่างการสร้างและการสลาย โดยมีการสลายกระดูกมากกว่าการสร้าง จะส่งผลให้เกิดภาวะกระดูกพรุนขึ้น
การสังเกตอาการของโรคกระดูกพรุนในระยะแรกอาจทำได้ยาก เพราะมักไม่แสดงอาการชัดเจน จนได้ชื่อว่าเป็น “ภัยเงียบ” แต่มีสัญญาณบางอย่างที่ควรให้ความสนใจ โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นที่มีการเจริญเติบโตช้ากว่าเกณฑ์ หรือมีความสูงน้อยกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน ซึ่งผู้ปกครองหลายท่านมักมีข้อสงสัยว่าลูกๆ “หยุดสูงกันตอนไหน” “ผู้หญิง – ผู้ชายหยุดสูงตอนไหน” ซึ่งความกังวลใจเหล่านี้อาจไม่ใช่สิ่งที่ผู้ปกครองคิด โดยสัญญาณที่ควรสังเกตได้แก่ อาการปวดหลังเรื้อรัง หลังค่อม ส่วนสูงลดลงอย่างผิดปกติ และกระดูกหักง่ายแม้ได้รับแรงกระแทกเพียงเล็กน้อย
การเข้าใจถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคกระดูกพรุนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม โดยปัจจัยเสี่ยงแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักดังนี้
ปัจจัยธรรมชาติบางอย่างเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่การรู้ตัวว่าเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะช่วยให้เราใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ประกอบด้วยพันธุกรรม โดยเฉพาะถ้ามีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน เพศ ซึ่งผู้หญิงมีความเสี่ยงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในวัยหมดประจำเดือน และเชื้อชาติ โดยคนเอเชียมีแนวโน้มเป็นโรคกระดูกพรุนได้ง่ายกว่าเชื้อชาติอื่น
แม้จะมีปัจจัยบางอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ยังมีปัจจัยอีกมากที่เราสามารถจัดการได้ โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีไม่เพียงพอ การขาดการออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการมีน้ำหนักตัวต่ำเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยที่เราสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อลดความเสี่ยงได้
การรักษาโรคกระดูกพรุนต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างแพทย์และผู้ป่วย โดยมีเป้าหมายเพื่อชะลอการสูญเสียมวลกระดูก เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก และป้องกันการเกิดกระดูกหัก
การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นพื้นฐานสำคัญของการรักษา ทั้งการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีอย่างเพียงพอ การออกกำลังกายที่เหมาะสม โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก และการระมัดระวังป้องกันการหกล้ม การรักษาวิธีนี้เหมาะสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องการป้องกันการเกิดโรค
สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดูกพรุน แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วยยา ซึ่งมีทั้งยากลุ่มที่ยับยั้งการสลายกระดูกและยากลุ่มที่กระตุ้นการสร้างกระดูก การเลือกใช้ยาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุ ความรุนแรงของโรค และโรคประจำตัวอื่นๆ
การป้องกันโรคกระดูกพรุนเป็นสิ่งที่ควรเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก โดยเฉพาะในช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตและมีการสะสมมวลกระดูกสูงสุด การป้องกันที่ดีประกอบด้วยหลายปัจจัยที่ต้องทำควบคู่กันไป
อาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมเพิ่มความสูงและวิตามินดี เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว และถั่วต่างๆ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่อาจรบกวนการดูดซึมแคลเซียม เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง
การออกกำลังกายที่เหมาะสมจะช่วยกระตุ้นการสร้างมวลกระดูก โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก เช่น การเดิน วิ่ง กระโดดเชือก หรือเล่นกีฬาที่มีการกระแทก แต่ต้องทำอย่างพอเหมาะและระมัดระวังการบาดเจ็บ
นอกจากอาหารและการออกกำลังกาย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างก็มีความสำคัญ เช่น การรับแสงแดดอย่างเหมาะสมเพื่อให้ร่างกายสร้างวิตามินดี การเลิกสูบบุหรี่ การลดการดื่มแอลกอฮอล์ และการรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
การพักผ่อน การนอนหลับที่เพียงพอมีความสำคัญไม่แพ้กัน เด็กควรได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยเด็กวัยเรียนควรนอนหลับ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน และควรรักษาเวลาเข้านอน และตื่นนอนให้เป็นเวลาสม่ำเสมอ
การดูแลสุขภาพกระดูกเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญตั้งแต่วัยเด็ก เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนแล้ว ยังส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการด้านความสูงอีกด้วย การเริ่มต้นดูแลตั้งแต่วันนี้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม ผลิตภัณฑ์เพิ่มความสูงที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เหมาะสม จะช่วยให้เรามีกระดูกที่แข็งแรงและสุขภาพที่ดี
ที่ Professional Health เราคือคลินิกเพิ่มความสูงที่มีให้คำปรึกษาเกี่ยวกับผู้ปกครองที่กังวลเกี่ยวกับพัฒนาการเจริญเติบโตของลูกน้อย เราดูแลมามากกว่า 3,000 เคส สามารถเข้ารับคำปรึกษา หรือติดต่อเรา ได้แล้ววันวันนี้