ประเมินความสูงฟรี

อาการขาดแคลเซียม

ชวนรู้จักอาการขาดแคลเซียมปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีบทบาทอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น ซึ่งการได้รับแคลเซียมที่เพียงพอเป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มความสูง การขาดแคลเซียมไม่เพียงส่งผลต่อความสูง และความแข็งแรงของกระดูกและฟันเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายอีกด้วย บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับอาการขาดแคลเซียม สาเหตุ และวิธีการป้องกันที่ควรทราบ

อาการขาดแคลเซียมที่ควรสังเกต

ภาวะขาดแคลเซียมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและวัยรุ่นที่กำลังเจริญเติบโต เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างแคลเซียมได้เอง จำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไป เพื่อได้รับแคลเซียมเพิ่มความสูงที่เพียงพอ การขาดแคลเซียมในช่วงวัยเด็กอาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการด้านความสูง

อาการที่พบได้บ่อย

อาการในระยะแรก มักเริ่มจากความรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ และมีอาการกระสับกระส่าย ซึ่งหลายคนอาจไม่ได้นึกถึงการขาดแคลเซียมเป็นสาเหตุ นอกจากนี้ยังอาจพบอาการชาตามปลายมือปลายเท้า เป็นตะคริวบ่อย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน

อาการในระยะที่รุนแรงขึ้น จะส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและฟัน เช่น ปวดกระดูก ปวดฟัน ฟันผุง่าย กระดูกเปราะบาง และอาจนำไปสู่ภาวะกระดูกพรุนในอนาคต

สาเหตุของอาการขาดแคลเซียม

อาการขาดแคลเซียมเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยทางสุขภาพ ดังนี้

  • การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ร่างกายขาดแคลเซียมพบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะในเด็กที่เลือกรับประทานอาหาร หรือไม่ชอบดื่มนม
  • การขาดวิตามินเพิ่มความสูงอย่างวิตามินดี และวิตามินเค ซึ่งเป็นวิตามินสำคัญที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม มักพบในผู้ที่ไม่ค่อยได้รับแสงแดด หรือออกกำลังกายน้อย
  • ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้การดูดซึมแคลเซียมลดลง และร่างกายใช้แคลเซียมมากขึ้น

ภาวะแคลเซียมในเลือดผิดปกติ

ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia)

ภาวะแคลเซียมในเลือดสูงเกิดขึ้นเมื่อระดับแคลเซียมในเลือดสูงกว่า 10.5 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร อาจเกิดจากการได้รับแคลเซียมเสริมมากเกินไป หรือมีความผิดปกติของต่อมพาราไทรอยด์ ผู้ที่มีภาวะนี้อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปัสสาวะบ่อย และอ่อนเพลีย

ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (Hypocalcemia)

ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำเกิดขึ้นเมื่อระดับแคลเซียมในเลือดต่ำกว่า 8.8 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก ชา ตะคริว และอาจรุนแรงถึงขั้นชักได้ในบางราย

เด็กทารกกับผู้หญิงอุ้มท้อง

กลุ่มเสี่ยงที่ควรระวังภาวะขาดแคลเซียม

กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลเซียมมีดังนี้:

  • เด็กและวัยรุ่นที่กำลังเจริญเติบโต เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการแคลเซียมในปริมาณสูง
  • ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ที่ต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้นเพื่อการเจริญเติบโตของทารก
  • ผู้ที่แพ้นมวัวหรือผลิตภัณฑ์จากนม ทำให้ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ

วิธีป้องกันภาวะขาดแคลเซียม

การป้องกันภาวะขาดแคลเซียมทำได้หลากหลายวิธี

การออกกำลังกายเพิ่มความสูงอยู่สม่ำเสมอเพื่อพัฒนากระดูก โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนัก เช่น การเดิน วิ่ง หรือกระโดดเชือก

ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับในแต่ละช่วงวัย

ช่วงอายุ

ปริมาณแคลเซียมที่ต้องการ (มก./วัน)

0-6 เดือน      

210 

7 เดือน – 1 ปี    

270       

1-3 ปี      

500                   

4-8 ปี

800

9-18 ปี

1,000

19-50         

800 

51 ปีขึ้นไป

1,000

หญิงตั้งครรภ์

800              

หญิงให้นมบุตร

800      

อาการขาดแคลเซียมน่ากลัวกว่าที่คิด

ภาวะขาดแคลเซียมเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น การสังเกตอาการ การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม รับประทานผลิตภัณฑ์เพิ่มความสูงอย่างเพียงพอ และการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม จะช่วยป้องกันปัญหาการขาดแคลเซียมได้ หากพบอาการผิดปกติ สามารถปรึกษาแพทย์ที่คลินิกเพิ่มความสูงอย่าง Professional Health ได้ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม