ประเมินความสูงฟรี

แคลเซียมกินตอนไหนให้ดีต่อร่างกาย

ในฐานะผู้ปกครอง การดูแลการเจริญเติบโตของลูกเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องความสูงที่มักเป็นความกังวลอันดับต้น ๆ แคลเซียมถือเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของเด็ก แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า แคลเซียมกินตอนไหน กินอย่างไร และกินเมื่อไหร่จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการรับประทานแคลเซียมเพิ่มความสูงอย่างถูกวิธี เพื่อสนับสนุนการเติบโตของลูกน้อยอย่างเต็มศักยภาพ

ทำความรู้จัก แคลเซียมคืออะไร?

แคลเซียมคืออะไร

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่พบมากที่สุดในร่างกาย โดยร้อยละ 99 จะอยู่ในกระดูก และฟัน ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของร่างกาย ในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น แคลเซียมมีความสำคัญเป็นพิเศษเพราะเป็นช่วงที่ร่างกายมีการสร้าง และสะสมมวลกระดูกอย่างมาก ถือได้ว่าแคลเซียมเพิ่มความสูงได้ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 9-18 ปี ซึ่งเป็นระยะที่ร่างกายสร้างมวลกระดูกสูงถึง 40% ของปริมาณกระดูกทั้งหมด นอกจากนี้แคลเซียมยังมีบทบาทในการเสริมสร้างกระดูก ฟัน การทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบประสาท และการแข็งตัวของเลือด ซึ่งล้วนเป็นกระบวนการสำคัญที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของเด็ก

ช่วงเวลาแนะนำในการรับประทาน และปัจจัยในการดูดซึมของแคลเซียม

เพื่อให้ลูกน้อยได้รับประโยชน์จากแคลเซียมอย่างเต็มที่ นอกจากการเลือกแหล่งแคลเซียมที่มีคุณภาพแล้ว การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับประทาน รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะร่างกายจะมีการดูดซึมแคลเซียมที่แตกต่างกันในแต่ละคน

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรับประทานแคลเซียม

การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับประทานแคลเซียมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือหลังมื้ออาหาร และก่อนนอน เนื่องจากในช่วงกลางคืนร่างกายจะมีการสร้าง และซ่อมแซมกระดูกมากที่สุด การได้รับแคลเซียมในช่วงนี้จะช่วยเสริมกระบวนการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมคือการแบ่งปริมาณการรับประทาน เนื่องจากร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ครั้งละไม่เกิน 500 มิลลิกรัม ดังนั้น หากต้องการให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด ควรแบ่งรับประทานเป็น 2-3 ครั้งต่อวัน

ปัจจัยส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียม

การเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียมเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะวิตามินดีที่ได้จากการรับแสงแดดอ่อน ๆ ในช่วง 9:00-15:00 น. และอาหารที่มีวิตามินดีสูงอย่างไข่แดง หรือปลาทะเล นอกจากนี้ การได้รับโปรตีนคุณภาพดีจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และนม จะช่วยกระตุ้นการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ได้ดียิ่งขึ้น

การออกกำลังกายเพิ่มความสูงที่มีการลงน้ำหนัก เช่น การวิ่งหรือกระโดด ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการสร้างมวลกระดูก ดังนั้น การส่งเสริมให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกาย และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

ปัจจัยที่ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม

การให้ลูกรับประทานแคลเซียมเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะมีหลายปัจจัยที่สามารถขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม ได้แก่ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างน้ำอัดลม ซึ่งจะเพิ่มการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ อาหารที่มีโซเดียมสูงอย่างขนมขบเคี้ยวหรืออาหารแปรรูป และอาหารที่มีกรดออกซาเลต (Oxalate) สูงอย่างผักโขม หรือใบชะพลู

นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีไฟเตทสูง (Phytates) เช่น ธัญพืชที่ไม่ผ่านการแช่น้ำ ก็สามารถลดการดูดซึมแคลเซียมได้เช่นกัน จึงควรระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการให้ลูกรับประทานอาหารเหล่านี้พร้อมกับแคลเซียม

แคลเซียมห้ามกินกับอะไร

การให้ลูกรับประทานแคลเซียมพร้อมกับสารอาหาร หรือยาบางชนิดอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการดูดซึม โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะที่จำเป็นต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้แคลเซียมไปรบกวนการออกฤทธิ์ของยา นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการให้ลูกรับประทานแคลเซียมพร้อมกับอาหารที่มีไฟเตทสูง เช่น ธัญพืชที่ไม่ผ่านการแช่น้ำ หรือถั่วเปลือกแข็ง

สำหรับเด็กโต ควรระวังเรื่องเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างน้ำอัดลม ชา หรือกาแฟ เพราะนอกจากจะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมแล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ควรหันมาใส่ใจเครื่องดื่มที่มีแคลเซียมสูง เช่น การดื่มนมทำให้สูงได้ รวมถึงการสร้างความเข้าใจ และปลูกฝังนิสัยการบริโภคที่ดีตั้งแต่เด็กจึงเป็นสิ่งสำคัญ

กินแคลเซียมมากเกินไป ส่งผลอย่างไร?

กินแคลเซียมมากเกินไปส่งผลอย่างไร

แม้แคลเซียมจะมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต แต่การได้รับมากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดผลเสียได้ ในระยะสั้นอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ปวดท้อง หรือคลื่นไส้ ส่วนในระยะยาวอาจรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญอื่นๆ เช่น เหล็กและสังกะสี ซึ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของเด็กเช่นกัน

นอกจากนี้ การได้รับแคลเซียมมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในไต ดังนั้น ควรให้ลูกได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมตามช่วงวัย และหลีกเลี่ยงการให้ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมโดยไม่จำเป็น

เทคนิคการเสริมแคลเซียมให้ลูกอย่างชาญฉลาด

การเสริมแคลเซียมให้ลูกไม่ใช่เพียงแค่การให้ทานอาหารเสริมเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงวิธีการที่หลากหลาย และสร้างสรรค์ เริ่มจากการจัดมื้ออาหารให้มีแหล่งแคลเซียมธรรมชาติ เช่น การทำข้าวผัดปลาทูสำหรับมื้อเช้า สลัดผักใบเขียวใส่ชีสสำหรับมื้อกลางวัน

เสริมแคลเซียมอย่างไรให้ลูกสูงดี แข็งแรง

การเสริมแคลเซียมให้ได้ผลดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงจังหวะเวลา วิธีการ และปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงสิ่งที่ขัดขวางการดูดซึม และส่งเสริมปัจจัยที่ช่วยในการดูดซึม จะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากแคลเซียมอย่างเต็มที่ คลายกังวลผู้ปกครองที่สงสัยว่า “แคลเซียมกินตอนไหนดี” สำหรับลูกน้อย

นอกจากนี้ การสร้างสมดุลระหว่างการได้รับแคลเซียมจากอาหารธรรมชาติ ควบคู่กับการออกกำลังกาย และการรับแสงแดดอย่างเหมาะสม จะช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโต และพัฒนาการของลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ การปลูกฝังนิสัยการกินที่ดีตั้งแต่วัยเด็กจะเป็นรากฐานสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีไปตลอดชีวิต

หากผู้ปกครองท่านใดยังไม่มีความมั่นใจในการให้ลูกกินแคลเซียม สามารถปรึกษาคลินิกเพิ่มความสูงอย่าง Professional Health เราพร้อมให้คำแนะนำ เพื่อให้ลูกของคุณมีพัฒนาการด้านความสูงอย่างมั่นใจ เติบโตได้เต็มศักยภาพ ติดต่อสอบถามได้ที่

  • Prof.Health : ตรงข้ามเซ็นทรัล บางนา ถนนบางนา-ตราด
  • เบอร์โทร : 064-5565969, 065-9391249
  • Facebook Inbox Prof.Health : prof.HealthMedicalCenter  
  • Line Official Account : @profhealth.tall