“พ่อแม่กังวลใจมาก ลูกที่บ้านชอบนอนดึกจะสูงไหม?” เป็นคำถามยอดฮิตที่ผู้ปกครองหลายท่านมีอยู่แล้วไม่รู้จะไปปรึกษา ใคร วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันว่า การที่ลูกนอนดึกจะส่งผลต่อความสูงจริง หรือไม่ และจะมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง
การเจริญเติบโตด้านความสูงของลูก ๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่ส่งผลโดยตรง โดยเฉพาะการนอนหลับที่เพียงพอ และมีคุณภาพ เด็กที่นอนดึกเป็นประจำมีความเสี่ยงที่จะมีส่วนสูงน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตโกรทฮอร์โมนได้อย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่สำคัญ และผู้ปกครองอาจต้องหาวิธีเพิ่มความสูงต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ลูกมีพัฒนาการการเจริญเติบโตตามเกณฑ์มาตรฐาน
การนอนหลับมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของลูก เพราะในช่วงที่หลับสนิท ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน ซึ่งโกรทฮอร์โมน คือ ฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต และพัฒนาการของกระดูก และกล้ามเนื้อ
โดยในช่วงเวลา 22.00-02.00 น. เป็นช่วง “เวลาทอง” ของการผลิตโกรทฮอร์โมน หากลูกนอนดึกเกินช่วงเวลานี้ จะทำให้การผลิตโกรทฮอร์โมนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้การเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น
สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการส่งเสริมการเจริญเติบโตด้านความสูงของลูก ควรจัดตารางการนอนให้เหมาะสมดังนี้
การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ควรจัดห้องนอนให้มืดสนิท มีอุณหภูมิที่เหมาะสม และควรงดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน นอกจากนี้ ควรสร้างกิจวัตรก่อนนอนที่ดี เช่น อาบน้ำอุ่น ดื่มนมอุ่น หรืออ่านนิทานก่อนนอน เพื่อให้ร่างกาย และจิตใจพร้อมสำหรับการพักผ่อน
สำหรับผู้ปกครองที่กำลังกังวลเรื่องลูกจะหยุดสูงตอนไหน? นอนดึกมีผลไหม? มีวิธีการและเทคนิคที่ช่วยปรับพฤติกรรมการนอนของลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
การแก้ปัญหานอนดึกไม่ควรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแบบกะทันหัน เพราะอาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน แนะนำให้เริ่มจากการปรับเวลานอนให้เร็วขึ้นครั้งละ 15 นาที ทำอย่างต่อเนื่องทุก 3-4 วัน จนกว่าจะถึงเวลานอนที่ต้องการ วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัว และสร้างนิสัยการนอนใหม่ได้อย่างยั่งยืน การรักษาตารางการนอนให้สม่ำเสมอแม้ในวันหยุดก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การปรับเวลานอนประสบความสำเร็จ
สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ อุณหภูมิห้องควรอยู่ที่ประมาณ 25-27 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการนอนหลับ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง เนื่องจากแสงสีฟ้าจากหน้าจอจะไปรบกวนการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ที่ช่วยในการนอนหลับ การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และเข้าสู่การนอนหลับได้ง่ายขึ้น
การมีกิจวัตรที่ทำเป็นประจำก่อนนอนจะช่วยให้ร่างกาย และจิตใจพร้อมสำหรับการพักผ่อน แนะนำให้เริ่มกิจวัตรก่อนนอนประมาณ 30-60 นาทีก่อนเวลานอนจริง โดยอาจเริ่มจากการอาบน้ำอุ่น ดื่มนมอุ่น หรือทำกิจกรรมผ่อนคลายร่วมกัน เช่น การอ่านนิทาน การฟังเพลงเบา ๆ หรือการทำสมาธิสั้น ๆ การทำกิจวัตรเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายเรียนรู้ และเตรียมพร้อมสำหรับการนอนได้ดีขึ้น
กิจกรรมระหว่างวันมีผลต่อคุณภาพการนอนในตอนกลางคืนอย่างมาก การจัดการกับการงีบหลับระหว่างวันเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรจำกัดการงีบให้ไม่เกิน 30 นาที และไม่ควรงีบในช่วงเย็น การออกกำลังกายเพิ่มความสูงที่เหมาะสมในช่วงเช้าหรือเย็นตอนต้นจะช่วยให้ร่างกายเหนื่อยพอดีเมื่อถึงเวลานอน แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน นอกจากนี้ ควรระวังเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงคาเฟอีนในช่วง 6 ชั่วโมงก่อนนอน
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนต้องอาศัยความร่วมมือจากเด็ก การสร้างแรงจูงใจและการให้รางวัลจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรชื่นชมและให้กำลังใจเมื่อลูกสามารถทำตามตารางการนอนได้ อาจมีระบบให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อทำได้ต่อเนื่อง แต่ควรหลีกเลี่ยงการตำหนิหรือลงโทษเมื่อไม่สามารถทำตามได้ เพราะอาจสร้างความเครียดและทำให้การนอนยากขึ้น การใช้แรงเสริมบวกจะช่วยสร้างทัศนคติที่ดีต่อการนอนและทำให้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น
ความกังวลที่ว่า “ลูกนอนดึกจะสูงไหม” อาจไม่ใช่ความกังวลเดียวเสมอไป เพราะนอกจากนอนดึกจะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตแล้ว ยังส่งผลต่อความเหนื่อยล้าอีกด้วย เพราะช่วงเวลาที่มีการหลั่งโกรทฮอร์โมนมากที่สุดคือช่วงการนอนหลับลึก การปรับพฤติกรรมการนอนอาจต้องใช้เวลา และความอดทน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่า ทั้งด้านความสูง พัฒนาการทางสมอง และสุขภาพโดยรวม
หากผู้ปกครองท่านใดกังวลเรื่องความสูงของลูก สามารถปรึกษาที่ Professional Health เราพร้อมให้คำแนะนำ และวางแผนการดูแลที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล เพื่อให้ลูกของคุณเติบโตได้เต็มศักยภาพ ติดต่อสอบถามได้ที่